1. มีโชว์ทุกเย็น
หากใครได้มาสถานีพร้อมพงษ์ในช่วงเย็นๆ ก็จะเห็นว่ามีการฉาย Projector บนตัวตึก EmQuartier และ Emporium ซึ่งจะเป็นโชว์แบบ 3 มิติ ที่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนตึกมันนูนขึ้นมาจริงๆ มีการเล่นแสงตามส่วนโค้งของตึก ที่ไม่ว่าใครๆ ผ่านต้องหันมามองแน่นอน ด้วยธีมเพลงที่เน้นความอลังการและหรูหรา ทำให้ที่นี่เป็นห้างที่ไม่ธรรมดาจริงๆ โชว์จะเริ่มตั้งแต่ 1 ทุ่ม มีทุกครึ่งชั่วโมง ถึง 3 ทุ่ม โดยเดือนสิงหาคมนี้จะเป็นโชว์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
2. สวนลอยฟ้า
ในเมืองกรุงเทพฯ มีแต่ตึก และความแออัดเป็นป่าคอนกรีต ผู้คนโหยหาสีเขียวให้มาเติมเต็มชีวิต EmQuartier จึงได้ใส่สวนลอยฟ้าลงไปเพื่อให้คนมาเดินรู้สึกไม่อึดอัดและมีชีวิตชีวา โดยสวนนี้มีชื่อว่า Quartier Water Garden อยู่บนชั้น 5 ของโซน Helix Quartier สวนมีลักษณะเปิดโลงให้ความรู้สึกสบาย ทำให้ทุกคนที่มาสามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฯ ได้จากมุมนี้ เหมาะสำหรับคนที่เหนื่อยล้าจากการช้อปปิ้งหรือทำงาน นอกจากสวน Quartier Water Garden แล้ว ยังมีน้ำตกจากชั้น 4 ลงมาเป็นขั้นจนถึง ชั้นล่างสุด ทำให้เป็นสถาปัตยกรรมที่ดูแล้วรู้สึกชุ่มชื้น มีความเคลื่อนไหวและไม่น่าเบื่อ เป็นห้างที่รวมบรรยากาศธรรมชาติและความทันสมัยได้กลมกลืนทีเดียว
3. ร้านอาหาร
มีร้านอาหารทุกแนว ตั้งแต่ฟาสต์ฟู้ด ร้านอาหารที่ไม่เคยเปิดที่ไหนมาก่อน จนไปถึงร้านไฟน์ ไดนิ่งหรูหรา ซึ่งได้แบ่งไว้ 2 โซนคือ ชั้น B1 ที่ Glass Quartier และที่ชั้น 6 – 9 ที่ Helix Quartier ที่ชั้น B1 จะเน้นไปทางร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด แต่ตัวร้านจะตกแต่งให้ดูทันสมัยกว่าสาขาที่อื่น ส่วนที่ Helix Quartier จะเป็นร้านอาหารพรีเมี่ยม และบางร้านเปิดที่นี่เป็นสาขาแรก สำหรับโซนนี้ มีความพิเศษอยู่ตรงที่ ทางเดินจะลาดขึ้นเป็นเกลียวจากชั้น 6 ถึง ชั้น 9 ตรงกลางเป็นพื้นที่โล่ง มีสวนลอยฟ้าที่บิดเป็นเกลียวล้อไปกับทางเดิน พร้อมแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดมาจากกระสกใจบานใหญ่ด้านบน รู้สึกโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด เพิ่มความสบายใจให้กับมื้อพิเศษและเพลินตาตลอดการกิน
4. ดีไซน์ของตึก
ปกติแล้วโครงสร้างของห้างสรรพสินทั่วไปจะเป็นตึกปูนทรงสูงอาคารเดียว ดูทึบ และไม่ค่อยมีส่วนที่เปิดไปด้านนอก แต่ EmQuartier ต่างออกไป เพราะแยกออกเป็น 2 ตึก เชื่อมด้วย Skywalk ทุกชั้น สร้างมิติให้กับการช้อปปิ้ง และทำให้มีพื้นที่เปิดมากขึ้น ในตัวตึกยังมีเสาจอ LED ขนาดยักษ์ ให้ความแปลกใหม่ เสมือนมี Center Piece สวยเด่นอยู่กลางตึก สำหรับโครงสร้างด้านหน้าก็ไม่ได้เป็นฟาซาดเพลนๆ แต่จะเป็นดิสเพลย์ของไฮ แบรนด์ แต่ละร้านเลยที่ออกแบบสะท้อนดีเอ็นเอของตัวเองอย่างเด่นชัด เช่น Chanel, Prada, Dolce & Gabanna และ Zara เป็นต้น ให้ความหลากหลายวาไรตี้ พร้อมเพิ่มประสบการณ์ใหม่อันน่าตื่นเต้นให้กับทุกคนที่มาเยือน
5. ทำเลดี
หนึ่งในห้างสรรพสินค้ากลางใจเมืองที่ติดรถไฟฟ้า ตรงข้ามเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ให้วิวที่สวยงาม จึงเรียกได้ว่าทั้งมีทั้งความสะดวกสบาย และความเป็นธรรมชาติผสมกลมกลืนอยู่ในที่เดียวกัน อีกอย่างที่หลายคนยังไม่รู้ บริเวณรอบๆ พื้นที่นี้มีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีร้านค้าอยู่ใกล้ๆ เรียกได้ว่าเป็น Japan Town ได้ง่ายๆ ยิ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องมาห้าง EmQuartier
6. ครบทุกแบรนด์
เป็นสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย EmQuartier ได้รวบรวมแบรนด์ชื่อดังเอาไว้มากมาย ตั้งแต่สินค้าที่ซื้อใช้ได้ง่ายในชีวิตประจำวัน เช่น H&M, Uniqlo, Sephora และ Zara ไปจนถึงแบรนด์หรูหราระดับไฮเอนด์ อย่าง Prada, Chanel และ Tory Burch อ้อ นอกจากนั้น บางแบรนด์ยังมาเปิดสาขาแรกที่ประเทศไทยในห้างฯ แห่งนี้ด้วย เช่น Beams, Banana Republic และ Style Nanda รวมไปถึงโซนที่ให้ดีไซเนอร์ไทยแสดงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ออกมา เป็นพื้นที่อันเปิดกว้างสำหรับแฟชั่นนิสต้าทุกเพศ ทุกวัย และทุกรสนิยม
ที่นี่จึงเป็น Lifestyle Destination สำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย จะมาชิลล์กับครอบครัวก็ได้ หรือแฮงก์เอ๊าท์กับกลุ่มเพื่อนก็ดี มีทุกกิจกรรมที่อยากทำ รอแค่ให้คุณมาสัมผัสด้วยตัวเอง
ใส่ความเห็น